บทความ

ผลล

การเตรียมตัวก่อนสักคิ้ว
1.หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์และแจ้งโรคประจำตัวและยาที่ทานกับทางTBC ก่อนใช้บริการ
2.งดวิตามิน​ที่ทำให้เลือดออกไหลหยุดยากเช่น วิตามิน​E,C​ น้ำมันปลา​ น้ำมันอิฟนิ่งพิโรส​ สารสกัดจากโสม​ ขิง​ กระเทียม​ ใบแปะก๊วย
เป็นเวลา 1 สัปดาห์
3.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย12-24ชม.เพราะมีผลต่อการสมานแผลของผิว และจะทำให้ขั้นตอนการสักเลือดออกเยอะ​ซึ่งจะมีผลต่อการติดของสี
4.ไม่ควรตากแดดแรงหรือทำการลอกหน้าก่อนการสัก1อาทิตย์​ เพราะผิวจะบอบบางระคายเคืองง่ายกว่าปกติค่ะ
5.หาแบบและทรงคิ้วที่ชอบเพื่อเป็นแนนวทางให้ช่าง​ จะได้ออกแบบให้ใกล้เคียงกับลูกค้าต้องการ​ (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทรงคิ้วที่ดีต้องเหมาะกับรูปหน้าด้วย​โดยช่างจะวัดสัดส่วนของใบหน้า​และประเมินจากฐานคิ้วเดิมร่วมด้วย)​
6.หากทำหัตถการบนใบหน้ามาควรรอให้อยู่ตัวก่อน​ เพื่อรูปทรงคิ้วไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหลังทำหัตถการ​ ลูกค้าควรทำมาก่อนจะทำคิ้วอย่างน้อย 1 เดือน
7.งดทาครีมรักษาสิวรักษาฝ้า​ พวก​ Arbutin วิตามิน​ A​ หรือเลเซอร์บริเวณ​ใบหน้าควรงดก่อนมาทำคิ้ว 1 เดือน
✅หมายเหตุ หากมีรอยสักเดิมรบกวนแจ้งและส่งรูปตอนไม่แต่งหน้าให้ทางอาจารย์ของ TBC ประเมินก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณลูกค้าค่ะ ❤️

*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

โดย  : เพ็ญพราว กล้ายประยงค์ (ผู้อำนวยการสถาบัน TBC.Academy)

เมื่อ : 22 เมษายน 2567 (ปรับปรุงล่าสุด)

สำหรับสาวๆ  คนไหนที่กำลังจะสักคิ้วหรือจะเติมสีคั้ว

หากเลือกสีไม่ถูก วันนี้อาจารย์มีสีตามโทนผิวมาแนะนำกันค่ะ

กลุ่มแรกเลยสำหรับสาวๆ ผิวขาวหากสักคิ้วแบบฝุ่นหรือ Shading เหมาะกับสีน้ำตาลบลอนด์ทอง หรือน้ำตาลคาราเมล แต่ถ้าสักคิ้วลายเส้นเพื่อลอกเลียนขนคิ้ว จะต้องเลือกสีเข้มกว่าเพื่อให้เห็นเส้นคมชัด และดูเป็นธรรมชาติ

สาวๆกลุ่มที่สอง สาวๆ ที่มีผิวขาวเหลือง หากสักคิ้วแบบฝุ่นหรือ Shading เหมาะกับสีคิิ้วสีน้ำตาลช็อคโกแลตหรือน้ำตาลหม่นเทา   แต่ถ้าสักคิ้วลายเส้นเพื่อลอกเลียนขนคิ้ว จะต้องเลือกสีเข้มกว่าเพื่อให้เห็นเส้นคมชัด และดูเป็นธรรมชาติ

 

และสาวๆ กลุ่มสุดท้ายคือสาวๆ ผิวเข้ม หากสักคิ้วแบบฝุ่นหรือ Shading เหมาะกับสีคิิ้วสีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลหม่นเทา หรือน้ำตาลดำ แต่ถ้าสักคิ้วลายเส้นเพื่อลอกเลียนขนคิ้ว จะต้องเลือกสีเข้มกว่าเพื่อให้เห็นเส้นคมชัด และดูเป็นธรรมชาติ

ทั้งนี้เพื่อให้สวยเป็นธรรมชาติ เหมาะกับสภาพผิวและได้รับผลลัพธ์ที่ดี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการสักคิ้วนะคะ

โดย  : เพ็ญพราว กล้ายประยงค์ (ผู้อำนวยการสถาบัน TBC.Academy)

เมื่อ : 9 กันยายน 2567 (ปรับปรุงล่าสุด)

คำถามที่อาจารย์พบบ่อยมากๆ คือ

-สักคิ้วลึกแค่ไหน

-สักคิ้วถาวรหรือสักคิ้วอาม่าทำไมมันเขียว

-สักคิ้วสมัยนี้แตกต่างจากแบบเก่าๆ อย่างไร

-ฝังสีคิ้วคืออะไร เหมือนการสักคิ้วหรือไม่

มาค่ะอาจารย์แอมจะอธิบายให้ฟังกัน

ความแตกต่างระหว่างการสักคิ้วถาวร และ การสักคิ้วกึ่งถาวร (ฝังสีคิ้ว)

     ก่อนอื่นเลยเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการสักคิ้วคืออะไร การสักคิ้วคือ การใช้เข็มขนาดเล็กเปิดผิวเพื่อใส่สีสักคิ้วลงไปไม่ว่าจะเป็นการสักแบบลายเส้นหรือการสักแบบลอกเลียนการเขียนคิ้วหรือคิ้วฝุ่น คิ้วสไลด์นั่นเอง โดยการสักคิ้วถาวร และ การสักคิ้วกึ่งถาวร (ฝังสีคิ้ว) มีความแตกต่างกันดังนี้

     การสักคิ้วถาวร เป็นการสักโดยพัฒนามาจากการสักตัวโดยใช้เครื่องสักตัวและเข็มที่มีขนาดใหญ่ รวมไปถึงสีสักก็เป็นสีสักตัวซึ่งมีอนุภาคขนาดใหญ่ อีกทั้งเครื่องสักที่มีมอเตอร์ที่แรงทำให้มีการใส่สีลงไปที่ผิวค่อนข้างลึกแผลหลังการสักจะมีความช้ำ และมีโอกาสอักเสบได้หากผู้เข้ารับบริการดูแลแผลไม่ดี ทังนี้การสักมีความเจ็บกว่าในปัจจุบันค่อนข้างมาก หากใครเคยสักแบบถาวรมามักได้รับการเล่าขานกันว่าเจ็บมากๆๆๆๆ นอกจากนี้การใส่สีหรือฝังสีลงไปที่ชั้นผิวลึกๆ ด้วยอนุภาคขนาดใหญ่ส่งผลให้สีสามารถฝังอยู่ในผิวได้นาน 10-20ปี ปัญหาที่ตามมาคือเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าผิวหนังและกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเรามักเปลี่ยนตำแหน่งเมื่อต้องการลบหรือสักทับรอยเดิมที่เป็นรอยสักคิ้วแบบถาวรจะแก้ไขได้ยากกว่าการสักกึ่งถาวรค่อนข้างมาก ทั้งการลบที่ค่อนข้างยากใช้เวลานานเนื่องจากเม็ดสีมีอนุภาคค่อนข้างใหญ่หากต้องลบด้วยเครื่องเลเซอร์ต้องลบหลายครั้งและเสี่ยงต่อการผิวแข็งหรือเป็นแผลเป็นได้ หรือหากลบด้วยน้ำยาลบคิ้วก็มีโอกาสที่จะเสี่ยงต่อการเป็นแผลเป็นเนื่องจากสีสักคิ้วถูกฝั้งอยู้ค่อนข้างลึก ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเหตุให้การสักคิ้วมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมากเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เข้ารับบริการ แต่บางร้านก็ยังทำแบบเดิมๆ อย่างการสักคิ้วถาวรอยู่ผู้เข้ารับบริการควรศึกษาก่อนและสอบถามทางร้านเพื่อความสวยที่ถูกใจเรานะคะ

   การสักคิ้วกึ่งถาวรหรือการฝังสีคิ้ว เนื่องจากการสักคิ้วเดิมมีปัญหาและภาพจำที่ทำให้นึกถึงการสักที่เจ็บและดำเป็นปื้นๆ จึงมีร้านหรือช่างพยายามใช้คำศัพท์ใหม่ๆ เพื่อให้เห็นความแตกต่างว่าการสักคิ้วสมัยนี้ไม่เจ็บและไม่อันตราย เช่น ในยุคแรกจากคิ้วดำปื้นๆ แต่การสักได้มีการพัฒนาใช้สีสักคิ้วและไล่เฉดให้ดูเหมือนการเขียนคิ้วที่หัวจางหางเข้ม โดยเรียกว่าคิ้วสไลด์ แต่นวัตกรรมด้านความงามไม่เคยหยุดยั้งเกิดคิ้วลายเส้นขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มที่เน้นความเป็นธรรมชาติ จึงเกิดการสักคิ้วลายเส้น 3 มิติ การสักคิ้วลายเส้น 6 มิติ เกิดขึ้น และล่าสุดเพื่อให้การสักเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นจึงเกิดเทคนิคใหม่ๆอย่าการสักคิ้วออมเบร (Ombre Eyebrow) ที่เบาและฟุ้งเหมือนคิ้วฝุ่น หรือกระทั่งการสักคิ้วแฮร์สโตก (Hair stroke eyebrow) ที่เป็นเทคนิคใหม่ช่วยให้สร้างลายเส้นให้กับคิ้วได้เสมือนจริงและแผลเล็กลงทำให้สามารถโดนน้ำได้ทันทีหลังทำเสร็จ ทั้งหมดนี้เรื่มมีการใช้สีเฉพาะทางและมีการพัฒนาอนุภาคสีให้มีความเล็กลง เข็มมีขนาดเล็กลงและฝังตื้นกว่าการสักคิ้วถาวร จึงมักเรียกกันว่าสักคิ้วกึ่งถาวร หรือ การฝังสีคิ้ว แต่ทั้งนี้ยังมีความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนอยู่บ้างในเรื่องชั้นผิว แม้การฝังสีคิ้วหรือการสักคิ้วสมัยใหม่จะมีการฝังไม่ลึกหรือแผลเล็กมาก แต่การฝังสียังคงต้องลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis Layer) เพราะหากสักลงเพียงชั้นหนังกำพร้า (Epidermis Layer) แล้วนั้นสีที่ใช้สักจะอยู่เพียง 28-40 วัน เพราะชั้นหนังกำพร้าจะมีการผลัดเซลล์ผิวใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วร้านสักสมัยนี้จะสักแล้วอยู่ 8-12 เดือนนั่นแสดงให้เห็นว่ามีการฝังสีที่ชั้นหนังแท้ (Dermis Layer) แต่ฝังตื้นๆ ในชั้นหนังแท้หรือที่เรียกว่าชั้น Upper Dermis นั่นเองค่ะ 

   รู้ขนาดนี้แล้วการสักไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไปเลยนะคะ เพราะนวัตกรรมและเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างมาก หากแต่ผู้บริโภคควรศึกษาและเลือกร้านที่ตรงสไตล์กับเราและมีการพัฒนาฝีมือและเทคนิคอยู่เสมอ อย่างสถาบัน TBC.Academy ของเรามีการอัพเดทเทคนิคและเน้นสไตล์ที่เป็นธรรมชาติเพื่อให้คุณเป็นคนที่สวยขึ้นและเสริมความเฮงปังให้สมดุลกับโหงวเฮ้งบนใบหน้าอีกด้วยค่ะ

โดย  : เพ็ญพราว กล้ายประยงค์ (ผู้อำนวยการสถาบัน TBC.Academy)

เมื่อ : 21มกราคม 2568(ปรับปรุงล่าสุด)