การต่อขนตา
ปัจจุบันการต่อขนตาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเพียงแค่ขนตายาวและงอนงามมากขึ้นก็เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มความสวยให้กับดวงตาของคุณผู้หญิงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดังที่เค้าบอกว่าวงการต่อขนตาเข้าแล้วออกยากนั่นเอง
การต่อขนตานั้นมีหลากหลายวิธีและผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันก็มีการพัฒนาและผลิตออกมาให้ได้เลือกใช้และทดลองมากมายหลายแบรนด์ โดยการต่อขนตาจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.การต่อขนตาแบบชั่วคราว หรือการต่อด้วยตนเอง (Home use) เช่น ขนตาปลอมที่ใช้กาวติดลงบนขอบตาเพื่อเสริมให้ดูขนตายาวขึ้นเป็นการติดวันต่อวัน กลับบ้านก็ถอดและล้างออกตอนล้างเครื่องสำอาง ข้อเสียของการต่อขนตาแบบนี้คือ สามารถหลุดระหว่างวันได้หากมีการขยี้ หรือโดนน้ำตา ทั้งนี้ขึ้กับความสามารถในการติดของตนเองหรือช่างแต่งหน้าก็ดี อีกทั้งยังต่อติดทุกวันหากไม่ชำนาญก็จะเสียเวลาเพิ่มสำหรับการแต่งหน้าในแต่วัน เพื่อตอบสนองความต้องการในกลุ่มของลูกค้าที่ชอบติดขนตาปลอมผู้ผลิตจึงได้พัฒนาและสร้างสินค้าใหม่ๆ เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ เช่น ขนตาปลอมแบบแม่เหล็กที่สามารถติดได้ง่ายสามารถใช้ซ้ำได้และไม่ต้องพกกาวติดขนตา หากหลุดก็สามารถติดใหม่ได้โดยง่าย
ภาพที่ 1 ขนตาปลอมแบบ home use ต่อเองรายวัน
2.การต่อขนตาถาวร หรือการต่อขนตาตามร้านต่อขนตา
การต่อขนตาถาวร (eyelash extension) หลายคนอาจจคิดว่าอยู่ได้นานเป็นปี หากแท้จริงแล้วการต่อขนตาประเภทนี้จะอยู่ได้ตามอายุของขนตาเราเอง อันเนื่องจากเป็นการใช้กาวต่อขนตาปลอมลงไปบนขนตาจริง ฉะนั้นแล้วหากขนตาเราล่วงขนตาปลอมที่ติดอยู่ก็จะร่วงตาม โดยเฉลี่ยหลังต่อขนตาถาวรจะอยู่ได้ประมาณ 2-6 สัปดาห์ (ขึ้นกับขนาดขนตา ฝีมือช่างและคุณภาพอุปกรณ์ที่มใช้)
ภาพที่ 2.1 การต่อขนตาแบบต่างๆ ที่ต่อโดยช่างต่อขนตา
การต่อขนตาถาวร (Eyelash Extension) ในปัจจุบันมี 2 เทคนิค คือ
1. การต่อขนตาด้วยกาวดำ (กาวที่แห้งโดยใช้การระเหย)
คือ การต่อขนตาเทคนิคเดิมกาวแห้งโดยการระเหยจากอากาศ สามารถเรียนรู้และทำได้ง่าย การต่อจะมีหลากหลายรูปแบบ การแห้งของกาวขึ้นกับความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ
ข้อดี
1.กาวหาง่าย ราคาไม่แพงมาก
2.ลงทุนไม่มาก หาซื้ออุปกรณ์ได้ง่าย
3.เรียนรู้ง่าย มีสอนทั้งออนไลน์และออฟไลน์หลายที่หลายสถาบัน
4.หากใช้กาวพอดี หลังต่อถอดได้ง่าย
ข้อเสีย
1.มีไอระเหย แสบตา ระคายเคืองง่าย ควรระมัดระวังในกลุ่มที่เป็นภูมิแพ้ ระหว่างต่อไม่ควรลืมตา
2.การแห้งของกาวขึ้นกับความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ต้องควบคุมความชื้นให้เหมาะสมกับกาว
3.หลังต่อการดูแลรักษายุ่งยาก ต้องเลี่ยงการโดนน้ำ
4.หลังต่อมีความหนักกว่าการต่อด้วยกาว LED
5.อยู่ได้ไม่นาน หลุดง่าย หากช่างไม่มีความชำนาญ
6.สำหรับช่าง กาวหมดอายุไว หลังเปิดมีอายุเพียง 30 วัน
2. การต่อขนตาด้วยกาวเจล/กาว LED (กาวที่แห้งโดยการอบด้วยแสง LED)
คือ การต่อขนตาเทคนิคใหม่ โดยการใช้การต่อขนตาด้วยกาวชนิดพิเศษ ที่ไอระเหยน้อย หรือไม่มีไอระเหยแล้วกาวแห้งด้วยแสง LED ทำให้การต่อขนตาอยู่คงทนมากขึ้น และลดการระคายเคืองจากไอระเหยของกาวต่อขนตาในเทคนิคเดิมๆ ช่างที่เคยต่อขนตาแบบเดิมควรเรียนรู้และอัพเดทเทคนิคเพิ่มเพื่อให้บริกรลูกค้าได้อย่างปลอดภัย
ข้อดี
1. กาวต่อขนตามีอายุการใช้งานได้นานขึ้น และไอระเหยน้อยหรือแทบไม่มี
2. หลังต่อขนตาลูกค้าไม่แสบตา ตาไม่แดงจากไอระเหยกาว
3. หลังต่อขนตาสามารถต่อแล้วอยู่ได้นานกว่ากาวแบบเก่านานขึ้น 2 เท่า
4. กาวมีน้หนักเบา ทำให้ขนตาไม่หนัก หลังต่อรู้สึกสบายตา
5.คนที่เป็นภูมิแพ้ระคายเคืองง่าย สามารถต่อได้
ข้อเสีย
1. ต้องเรียนรู้อย่างถูกต้อง และใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน หากไม่เรียนรู้อย่างถูกต้องอันตราย
2. อุปกรณ์ไฟ กาว ที่ได้มาตรฐานมีราคาค่อนข้างสูง
3. ต่อแล้วอยู่ได้นาน โอกาสลูกค้ากลับมาจะนานขึ้น (ควรคิดราคาสูงกว่าการต่อปกติ)
ภาพที่ 2.2 เปรียบเทียบกาวต่อขนตาแบบเก่า กับกาว LED
ภาพที่ 2.3 ตัวอย่างไฟ LED และอุปกรณ์การต่อขนตาด้วยเทคนิค LED
จะเห็นได้ว่าการต่อขนตาแต่ละเทคนิค ทั้งการต่อขนตาแบบ Home use ต่อรายวันด้วยตนเอง การต่อขนตาด้วยช่างต่อขนตาทั้งสองเทคนิคล้วนแล้วแต่มีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วผู้บริโภคควรศึกษาและเลือกใช้บริการให้เหมาะสมกับตนเอง และดูแลหลังการต่อขนตาตามที่ช่างได้แนะนำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยค่ะ
โดย : เพ็ญพราว กล้ายประยงค์ (ผู้อำนวยการสถาบัน TBC.Academy)
เมื่อ : 21 มีนาคม 2568